Martial God Asura ตอนที่ 200 – สายตาแห่งความเคารพ

Martial God Asura ตอนที่ 200 – สายตาแห่งความเคารพ

” ฮ่าๆๆ ไอ้หนู เจ้าชื่ออะไร ? “
ในตอนนั้น บุคคลลึกลับทำหน้าทะเล้นขณะที่ชี้นิ้วไปที่ ‘ชูเฟิง’ พร้อมกับสอบถาม
” ชูเฟิง นี้เป็นสัตว์ปีศาจ สัตว์อสูรมหึมา หากจำไม่ได้ ให้ย้อนไปอ่านตอนที่ 61 จากที่เราสำรวจคร่าวๆ พลังวิญญาณของมันช่างลึกล้ำ และยังสามารถใช้อำนาจพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งได้อีกด้วย เทียบได้กับ ผู้เชื่อมต่อโลกวิญญาณชุดม่วง เลยทีเดียว ดังนั้นอย่าได้ประมาท “
ก่อนที่’ชูเฟิง’จะตอบ ‘ต้านต้าน’ ก็พูดขึ้นมาในหัวของเขา นางก็เตือนอย่างจริงจัง
” มันเป็นสัตว์ปีศาจงั้นหรอ ? และยังเทียบได้กับผู้เชื่อมต่อโลกวิญญาณ ? “
‘ชูเฟิง’ตกใจอย่างมาก
” สัตว์ปีศาจ ภายนอกดูเหมือนมนุษย์ แต่ สัตว์อสูรมหึมาทั่วไปจะไร้ซึ่งอำนาจพลังวิญญาณ แต่ยังไงก็แล้วแต่ บางทีสัตว์ปีศาจตัวนี้มีเลือดพิเศษ หรือบางมีอาจจะเผลอไปกินของวิเศษเข้าไป ร่างกายของมันจึงมีอำนาจพลังวิญญาณ ดังนั้น พวกมันจึงกลายเป็น ผู้เชื่อมต่อโลกวิญญาณ ได้เช่นกัน “
” คนที่ใช้รูปแบบอำนาจพลังฯกักขังสัตว์ปีศาจ ที่มีเลือดพิเศษได้  นับว่าเป็นคนที่ฉลาดอย่างมาก เพราะมันยังไม่สามารถใช้รูปแบบการควบคุมอำนาจพลังวิญญาณได้ “
” เห็นนั้นมั๊ย ในการสร้างรูปแบบนั้นเต็มไปด้วยสัญลักษณ์ที่ต้องปลดผนึก นั่นเป็นสัญลักษณ์ที่ซับซ้อนเป็นอย่างมาก มันจึงถูกขังไว้ที่นี่ หากจะออกไปจากที่นี่มันจะต้องปลดผนึกอักขระเหล่านี้ แต่มันก็มิอาจทำได้!!! “
” ดังนั้นเจ้าจะต้องระวัง ผนึกซับซ้อนขนาดนี้ไม่อาจพบสมบัติได้ง่ายๆ หากเจ้าทำพลาด มันก็จะหลุดออกจากที่นี่ไปได้ “
‘ต้านต้าน’ยังคงเตือน
” เฮ้ยยย!!! ไอ้หนู ทำไมเจ้าถึงไม่พูดล่ะ เจ้าคงจะกลัวข้าสินะ ? ฮ่าๆ…… “
สัตว์ปีศาจยิงฟัน หัวเราะใส่’ชูเฟิง’
‘ชูเฟิง’ไม่สนใจท่าทีของเขา เขายังคงเดินไปรอบๆเป็นวงกลมอย่างระมัดระวัง แล้วก็หันหลังจากไป
แม้ว่าจะมีสมบัติล้ำค่ามากองอยู่ต่อหน้า แต่มันก็ยากที่จะเอาได้ ‘ชูเฟิง’ ตัดสินใจว่ามันไม่ได้สำคัญอะไรกับเขานัก
อีกอย่างยังมีสัญลักษณ์ที่ซับซ้อนผนึกมันเอาไว้ ‘ชูเฟิง’ จึงรู้ดีว่าเขาไม่สามารถเอามันไปได้
” นี่ นี่ ไอ้หนู อย่าพึ่งไป !!! อย่าพึ่งไป !!! ข้าพูดกับเจ้าอยู่นะ “
เห็น ‘ชูเฟิง’ พยายามจากไปแบบไม่ใยดี สัตว์ปีศาจก็ตกใจอย่างมาก แต่ยังไง ‘ชูเฟิง’ ก็ยังไม่สนใจเแล้วก็เดินจากไป เพราะว่า ‘ต้าน ต้าน’ เตือนว่า อย่าได้ไปสนใจมัน มันจะหาทางหลอกล่อเขา เพื่อช่วยให้มันหนีออกมา เมื่อมันออกมาได้ ไม่มีใครรู้ว่ามันจะทำอันตราย ‘ชูเฟิง’ หรือ ไม่
” เจ้าอยากเป็นผู้เชื่อมต่อโลกวิญญาณชุดฟ้าหรือเปล่า แค่ 2 ปี ข้าสามารถทำให้เจ้าเป็นได้ !!! ? “
จู่ๆ คำพูดเหล่านั้นก็ดังขึ้นมจากด้านหลัง
* โหหห *
หลังจากที่ได้ยินคำพูดนั้น ‘ชูเฟิง’ ก็ชะงักทันที เพราะการเป็น ผู้เชื่อมต่อโลกวิญญาณชุดฟ้ามันดึงดูด’ชูเฟิง’อย่างมาก ดังนั้นเขาจึงถามกลับ
” จะทำให้ข้าเป็นผู้เชื่อมต่อโลกวิญญาณชุดฟ้า ภายใน 2 ปี แน่ใจนะว่าเจ้าทำได้  “
” เจ้าไม่ต้องรู้หรอกว่าข้าเป็นใคร ยังไงบอกเจ้าไปก็ไม่มีประโยชน์ ข้าจะไม่พูดอะไรกับเจ้ามาก แต่ ข้ารู้วิธีที่จะทำให้อำนาจพลังวิญญาณของคนสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและสร้างการเชื่อมต่อไปยังอำนาจพลังสีฟ้าออร่าสีฟ้า ด้วยระยะเวลาแค่สั้นๆเจ้าก็สามารถได้เป็นผู้เชื่อมต่อโลกวิญญาณชุดฟ้าได้แล้ว ตอนนี้ช่วงโปรโมรชั่น เพราะข้ากำลังจะบอกวิธีนั้นให้กับเจ้า “
สัตว์ปีศาจกล่าว
” เจ้าไม่ได้เป็นญาติหรือสหายของข้า แล้วทำไมจะต้องมาบอกวิธีนั้นให้ด้วย ? นอกจากนี้ ยังไม่มีอะไรยืนยันว่าที่เจ้าพูดมาเป็นความจริง ? “
‘ชูเฟิง’ ระมัดระวังเป็นอย่างมาก เพราะเขารู้ว่ามันมีสัญลักษณ์ที่ซับซ้อนอยู่ หากทำอะไรมั่วๆมีหวังมันหลุดออกมาแน่
” ข้าไม่เคยโกหกใครมาก่อน ไม่ต้องห่วงข้าจะไม่ทำร้ายเจ้า ข้าแค่ไม่อยากให้วิธี ของข้าต้องสูญหาย โดยที่ไม่มีผู้สืบทอด “
” แน่นอน ถ้าหากเจ้ากลายเป็นผู้เชื่อมต่อโลกวิญญาณชุดฟ้า ข้าหวังแค่ว่าเจ้าจะมาช่วยข้าออกไป และปลดผนึกสัญลักษณ์บ้าๆพวกนี้ที่ขังข้าไว้ ข้าเพียงต้องการอิสรภาพของข้าคืนก็เท่านั้น “
เห็น’ชูเฟิง’ระวังตัวแจ สัตว์ปีศาจ จึงไม่ได้ตั้งเงื่อนไขใดๆ และบอกเหตุผลที่เขาทำ
” ก็ได้!!! บอกวิธีของท่านมา !!! “
หลังจากทบทวน ‘ชูเฟิง’ ก็พูด
” เจ้าจะทิ้งข้าไป โดยไม่เหลี่ยวแลใช่มั๊ยหลังจากที่ข้าบอกเจ้า ? “
สัตว์ปีศาจทำตาคลอ และพูดอย่างเจ้าเล่ห์
” เจ้ามีทางเลือกอื่นไม๊ล่ะ ? “
‘ชูเฟิง’ยิ้มเบาๆ ถึงแม้ว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขาคือสุดยอดแห่งความชั่วร้าย แต่ก็ยังแพ้ตัวเป้งอีก 2 ตัวของเขา ที่มีชีวิตมามากกว่า 100 ปี ดังนั้น ‘ชูเฟิง’จึงไม่กลัว
‘ชูเฟิง’ ไม่แสดงความยำเกรงต่อเขาเลย เพราะเขาก็มีค่าพอที่จะแบบนั้น เขาต้องใช้ความได้เปรียบเพื่อกดดันฝ่ายตรงข้ามในเรื่องของความรู้สึก เพื่อจะช่วงชิงผลประโยชน์จากฝ่ายตรงข้าม
” ฮ่าๆๆ ไอหนูยอดมาก เจ้านี่ค่อนข้างบ้าใช่ได้ ที่กล้าพูดกับข้าแบบนี้ ข้าละถูกใจเจ้ายิ่งนัก “
ถูกใจก็กดไลค์สิว่ะ
” ด้วยวีธีนี้ เจ้าจะสามารถใช้ของวิเศษเพื่อปรับปรุงอำนาจพลังวิญญาณของเจ้าได้ สำหรับตำแหน่งสถานที่ของสิ่งนั้นข้าสามารถบอกเจ้าได้ แต่หลังจากที่เจ้าได้มันมาแล้ว เจ้าต้องมาช่วยข้า หลังจากที่ข้าออกไปได้ ข้าจะให้เจ้าได้รับสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ “
หลังจากพูดจบ สัตว์ปีศาจก็โบกแขนของมันและอำนาจพลังวิญญาณสีม่วงก็ค่อยๆก่อตัวขึ้นหลังจากนั้นก็กลายเป็น แผนที่ โดยเป็นสัญลักษณ์กลางอยู่ด้านหน้าของ ‘ชูเฟิง’ เขาไม่รอช้า รีบจดจำแผนที่ลงไปในหัว
” ผู้เฒ่า ถ้าสิ่งที่ท่านพูดมาเป็นความจริง ข้าสัญญาว่าจะกลับมาช่วยท่าน และตอนนั้นท่านไม่จำเป็นต้องตอบแทนใดๆ ถือว่าเป็นการขอบคุณท่าน “
หลังจากที่รูปแบบแผนที่วาดลงไปในหัวของเขา ‘ชูเฟิง’ ก็ทิ้งทัศนคติที่หยิ่งผยอง พร้อมกับโค้งคำนับต่อสัตว์ปีศาจเพื่อแสดงความเคารพของเขา
” ตั้งแต่เจ้าสามารถเข้ามายังที่นี่ได้ นั้นก็หมายความว่าเจ้ามีความสามารถ ข้าจะรอเจ้าอยู่ตรงนี้ “
สัตว์ปีศาจดูเหมือนจะเชื่อ สิ่งที่’ชูเฟิง’พูด
” ผู้เฒ่า ข้าสงสัยมานานแล้ว ว่าจริงๆที่นี่มีสมบัติอะไรซ่อนอยู่ “
หลังจากคิดสักพัก ‘ชูเฟิง’ ก็ถาม
” โอ้วว . . . . . . . มันเป็นสมบัติที่ล้ำค่าทีเดียว แต่โทษนะข้ายังไม่ได้ดู ดังนั้น จะดีกว่าหากเจ้าไม่คิดเกี่ยวกับมัน มองดูสิ เจ้าก็รู้ว่าสมบัตินี้ไม่ใข่เรื่องง่ายที่เจ้าจะเอาไปได้ “
” หากไม่ใช่คนที่ฉลาดขังข้าไว้ มันคงไม่เตรียมอาหารไว้ให้พอกับข้าถึงสองร้อยปีหรอก ไม่งั้นข้าอาจจะต้องหิวตายไปแล้ว “
สัตว์ปีศาจยิ้มและกล่าวหลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น ‘ชูเฟิง’ ก็ถึงกับตกใจ เขาตกใจถึงความลึกซึ้งของหอคอยอสูรฟ้า และเขายังชื่นชมต่อความสามารถของคนที่ขังสัตว์ปีศาจ เขาได้เตรียมอาหารที่เพียงพอสำหรับสองร้อยปี แสดงว่าเขาทำนายไว้แล้วว่าเหตุการณ์ในวันนี้จะต้องเกิดขึ้น
หลังจากที่ ‘ชูเฟิง’ รู้เขาก็ไม่ได้เรียกร้องหรือสงสัยใดๆ เขาเดินออกจากหอคอยอสูรฟ้า แต่เมื่อเขาเดินออกมา จากหอคอย เขาก็ถึงกับตกตะลึง เนื่องจากฉากด้านหน้าของเขา’ชูเฟิง’ ย้อนคิดกลับไปในเหตุการณ์ก่อนหน้า ที่จะเกิดขึ้นระหว่างที่จะออกมาจากหอคอยอสูรฟ้า
เขาคิดว่าคนอื่นจะมองเขาเท่านั้น แต่คงไม่สนใจ และยิ่งกว่านั้น ตระกูลเจี่ยก็คงจะมาเอาเรื่องกับเขา เมื่อเห็นเขาออกมา ทีแรกเขาคิดว่าจะเจอฉาก ชักดาบ ง้างคันธนูมาทีเขาซะอีก และยังคิดไปอีกว่า คงมีเพียงนิกายโลกวิญญาณอาจจะเข้ามาผูกมิตรกับเขาและต้อนรับเขาเป็นอย่างดี
แต่อย่างไรก็ตาม เขาไม่เคยคาดหวังว่า หลังจากที่เขาเดินออกมาจากหอคอยอสูรฟ้า จะมีคนทั้งเมืองต่างมายืนห้อมล้อมตรงนั้น ไม่ว่าจะเป็นคนจากนิกายโลกวิญญาณ หรือ สมาชิกทั้งหมดของตระกูล เจี่ย พวกเขาล้วนแล้วแต่มีสายตาเดียวกัน ก็คือ สายตาที่เต็มไปด้วยความเคารพ ยำเกรง
‘ชูเฟิง’ไม่ได้สมบัติไรเลยจร้า ได้แค่แผนที่ ที่จำเอาไว้ในหัวสมอง และแผนที่แห่งนั้นจะนำเขาไปสู่ ขุมทรัพย์หรือไม่

ตีกันแน่ ทั้ง 2 ฝ่ายยยย
ฝ่ายตระกูลเจี่ยอยากกำจัดเขาเพื่อไม่ให้เขาไปอยู่กับนิกายโลกวิญญาณ
ฝ่ายนิกายโลกวิญญาณอยากได้เขามาเพื่อกำจัดตระกูลเจี่ย จริงๆเอามาเป็นกำลังสำคัญ
ช่วงหลังๆ ชูเฟิง ก็ได้รับการช่วยเหลือจาก นิกายโลกวิญญาณเป็นประจำ ส่วน นิกายปีกฯ ยุบสภาไปแล้ว
ใครคิดถึงตอนเก่าๆก็ย้อนไปอ่านได้นะคับ
ว่างๆผมจะเข้าไปแก้คำ ให้สละสลวยเพื่อให้ทุกคนอ่านได้สนุกยิ่งขึ้น
ขอบขอบพระคุณ ทุกกำลังสนับสนุน ทุกกำลังใจ ทุกคอมเม้น ทุกไลค์ และที่สำคัญ ผู้อ่านทุกๆคน
ที่มา: