Martial God Asura ตอนที่ 136 ม้าเหงือโลหิต

Martial God Asura ตอนที่ 136 ม้าเหงือโลหิต

หลังจากที่ก้าวขาออกจากเมือง วิหคเพลิง ชูเฟิงตั้งเป้ามุ่งหน้าไปยังหุบเขา – พยัคฆ์ขาว ด้วยความระมัดระวัง เป็นเพราะว่า เขาจะต้องเดินทางผ่านเมือง เต่าทมิฬ ซึ่งเป็นอาณาเขตของ กง ลู่หยุน หากเขาทำอะไรบุ่มบ่ามในตอนนี้ เขาอาจจะเป็นที่สนใจ หากถูกตัวตนของเขาถูกเปิดเผย เขาอาจจะตายก็ได้
หุบเขา – พยัคฆ์ขาว ถูกปกครองโดย ตะกูล พยัคฆ์ขาว ซึ่งสืบเชื้อสายกำเนิดมาจาก ผู้ก่อตั้ง หุบเขา-พยัคฆ์ฯ แต่ไม่มีใครเป็นประมุขของที่นั้น นอกจากคนในตะกูลแล้ว ยังมีคนอื่นๆรวมอยู่ด้วยพวกเขาต่างใช้ชีวิตอยู่ภายในที่แห่งนั้น
ดังนั้น เขาจึงสามารถเข้าไปที่นั้นได้ไม่ยาก
หลังจากที่เขาเดินออกจากเมืองวิหคเพลิงมาได้สักพัก’ชูเฟิง’ไม่ได้พูดกับใครแม้แต่น้อย ตอนนี้เขาต้องรีบไปเมืองนั้นให้เร็วที่สุด เขาจึงจำเป็นต้องมีม้าชั้นยอดที่สามารถวิ่งได้อย่างว่องไว หากเขาเดินทางด้วยการใช้ ทักษะ ท่องนภา ชูเฟิงเกรงว่าเขาจะต้องใช้พลังวิญญาณเป็นอย่างมาก
” คุณชาย ที่นี่ม้าของเราล้วนแต่เป็นม้าชั้นยอด ทุกตัวสามารถเดินทางได้เป็นพันๆลี้ เรามีอีกตัวที่ท่านจะต้องสนใจ มันคือ ม้าเหงื่อโลหิต ที่แสนจะว่องไว มันสามารถเดินทางได้ถึง 8000 ลี้ ได้อย่างสบายๆ นับว่าเป็นจักรพรรดิในหมู่อาชา “
เฒ่าแก่ขายม้า พูดพร้อมกับชี้นิ้วไปที่ ม้าตัวใหญ่สีแดง
” เดินทางได้ 8000 ลี้ อย่างสบายๆงั้นหรอ  “
‘ชูเฟิง’ ค่อนข้างที่จะสงสัยคำพูดของเขา ม้าสีแดงตัวนั้นมันก็ไม่ได้ดูพิเศษมากซะเท่าไหร่ แค่ขนาดของมันที่ใหญ่มากกว่าม้าตัวอื่นๆ แต่ที่สำคัญก็คือลักษณะของมันที่ดูคล้ายกับม้าที่ล้ำค่าของ นครทอง – ม่วงและเมืองอื่นๆ แต่ม้าเหล่านั้นล้วนเป็นม้าชั้นดี ที่เคยผ่านการฝึกมาก่อน
แต่ม้าตัวที่อยู่ภายในดวงตาของเขา มันแสนจะดูหยิ่งผยอง ‘ชูเฟิง’รู้สึกว่ากำลังโดนมันดูถูก สังเกตุจากท่าทีของมัน มันคงจะไม่ยอมให้ใครขี่มันได้ง่ายๆ เหมือนกับม้าที่ยังไม่เคยผ่านการฝึก
” คุณชาย ทำไมข้าต้องหลอกท่าน มันคือม้าชั้นยอด ที่เคยผ่านการฝึกให้เชื่องโดยผู้เชี่ยวชาญหลายคน ท่าทีของมันก็ย่อมเป็นเช่นนั้นเป็นเรื่องธรรมดา หากท่านไม่ได้เป็นผู้ใช้พลังวิญญาณ มันคงไม่ยอมให้ท่านขึ้นขี่ “
เฒ่าแก่ รีบอธิบาย
” เป็นเช่นนั้นเอง !!! “
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของเขา ‘ชูเฟิง’ ก็ยิ่งสนใจม้าตัวนั้นมากยิ่งขึ้น ‘ชูเฟิง’ต้องการทำให้มันเชื่องให้ได้ ดังนั้น เขาจึงกล่าว
” เฒ่าแก่ม้าตัวนี้ราคาเท่าไหร่ ข้าจะซื้อ ? “
” คุณชาย ท่านแน่ใจน่ะว่าท่านต้องการซื้อ ม้าเหงื่อโลหิต ตัวนี้ ราคาของมันไม่ใช่น้อยๆ!!! “
เมื่อได้ยินคำพูดของ ‘ชูเฟิง’ เขาก็ตกใจเป็นอย่างมาก เหตุผลที่เขาแนะนำมันให้’ชูเฟิง’รู้ ก็เพื่อโอ้อวด ร้านของเขา โดยที่เขาไม่ได้คาดหวังว่า ‘ชูเฟิง’ จะมีปัญญาซื้อมัน เพราะราคาของมันคนปกติคงไม่มีทางซื้อมันได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เด็กหนุ่มที่สวมเสื้อผ้าธรรมดา แบบ’ชูเฟิง ‘
” ข้าดูเหมือนคนที่กำลังล้อเล่นเช่นนั้นหรอ “
‘ชูเฟิง’ ยิ้มเบาๆ
” อันที่จริงม้าปกติทั่วๆไป ขายอยู่ที่นี่จะตกอยู่ที่ประมาณตัวละ 10 ตำลึงเงิน ม้าชั้นยอดราคาก็จะสูงขึ้น ถึงตัวละ 1 ตำลึงทอง สำหรับม้าเหงื่อโลหิตจะแพงมากกว่าสองประเภทที่กล่าวไปเมื่อครู่ “
เฒ่าแก่อธิบายอย่างตั้งใจ
” เท่าไหร่ล่ะ “
‘ชูเฟิง’ ถามอย่างรีบร้อน ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาอาจจะกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย แต่ในตอนนี้เขาอาจเรียกได้ว่าเป็นคนที่ร่ำรวยคนหนึ่ง อย่างน้อยๆหากเทียบกับคนธรรมดาเหล่านี้ เขานับว่าเป็นคนที่รวยที่สุด
” ลูกแก้ววิญญาณ 1 เม็ด “
เฒ่าแก่ ชูนิ้วขึ้นมาหนึ่งนิ้วพร้อมกับยิ้มแล้วกล่าว
” อะไรน่ะ ลูกแก้ววิญญาณหนึ่งเม็ด เทียบได้กับ 100 ตำลึงทอง เชียวนะ ม้าแบบนี้มีค่าถึงขนาดนั้นเลย ? “
เมื่อได้ยินคำพูดของเฒ่าแก่ ‘ชูเฟิง’ ไม่ได้มีปฏิกิริยาเช่นคนอื่นๆ ผู้คนที่ยืนอยู่บริเวณรอบๆต่างอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ เพราะบทสนทนาของ ‘ชูเฟิง’ กับ เฒ่าแก่ ฟังดูน่าสนใจ พวกเขาทั้งหมดต่างเดินเข้ามามุง พร้อมกับประเมิน ม้าเหงื่อโลหิต เพื่อจะหาจุดที่พิเศษของมัน ที่ทำให้ราคาสูงขนาดนั้น
‘ชูเฟิง’ได้แต่ยืนยิ้มขณะที่มองดู ผู้คนที่ขี้สงสัยพวกนั้น อย่าว่าแต่ลูกแก้ววิญญาณเพียง 1 เม็ด แม้แต่ 10 เม็ด สำหรับเขาก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด
          ” ลูกแก้ววิญญาณเพียงหนึ่งเม็ดนับว่าคุ้มค่าสำหรับม้าตัวนั้น!!! “
‘ชูเฟิง’ยังไม่ทันได้พูด จู่ๆก็มีเสียงดังออกมา
เมื่อมองออกไป ก็พบว่ามีชายตัวใหญ่ค่อยๆเดินเข้ามากับผู้ติดตาม คนที่เดินนำหน้าไม่ได้สวมเสื้อ จึงเห็นร่างที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อและรอยแผลเป็นที่ดูน่ากลัวของเขา
หลังจากเห็นคนพวกนั้นเดินเข้ามา ทุกคนต่างพากันหลบออกข้าง เพราะดูจากลักษณะของเขา น่าจะเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณ ที่ไม่ธรรมดา
” ข้าจะซื้อม้าเหงื่อโลหิตตัวนี้ !!! “
ชายตัวใหญ่ หยิบลูกแก้ววิญญาณจากเอวของเขา และโยนให้กับ เฒ่าแก่หลังจากที่มีคนยอมซื้อมัน เฒ่าแก่ก็ยิ้มอย่างมีความสุข เขาไม่เคยคาดหวังว่าจะสามารถขายม้าตัวนี้ ในราคาที่สูงแบบนี้ได้ แต่จู่ๆ’ชูเฟิง’ก็พูดออกมา
” เดี๋ยวก่อนสิ ข้ามาก่อนก็ต้องได้ก่อน และอีกอย่าง ข้าก็ไม่ได้บอกว่าข้าจะไม่ซื้อมัน แล้วท่านจะขายให้กับผู้อื่นได้ยังไง “
” น้องชาย ข้าเห็นว่าเจ้าน่าจะไม่ใช่คนโง่ เจ้าก็รู้ว่าม้าเหงื่อโลหิตตัวนี้ต้องใช้ลูกแก้ววิญญาณถึง 1 เม็ด จึงจะสามารถซื้อมันได้ เจ้าลองคิดดีๆสิ ว่าเจ้าสามารถจ่ายราคาขนาดนั้นไหวหรือไม่ “
ชายตัวใหญ่ยืนยิ้มขณะที่สังเกตุ ‘ชูเฟิง’ พร้อมกับดูถูก ส่วนคนติดตามของเขา ต่างพากันหัวเราะออกมาเสียงดัง พวกเข้าคิดว่า ‘ชูเฟิง’ ไม่รู้จักเจียมตัว ที่กล้าแย่งม้าตัวนี้กับหัวหน้าของพวกเขาผู้คนรอบๆต่างสังเกตุการกระทำของ’ชูเฟิง’  และรู้สึกว่าเขา  ไม่รู้จักดูตาม้าตาเรือ ที่กล้าไปขัดใจกับกลุ่มคนเช่นนั้น’ชูเฟิง’ ไม่สนใจผู้คนพวกนั้น เขาค่อยๆนำมือไปหยิบถุงจักรวาล ที่แขวนไว้ที่เอวของเขา
” สวรรค์ นั่นมัน . . . . . ถุงจักรวาลไม่ใช่หรอ ? “
ทันใดนั้น ทุกคนต่างอดไม่ไหวได้แต่ร้องออกมา
”  อะไรน่ะ นั้นคือถุงจักรวาลงั้นหรอ “
ตอนนั้น พวกผู้ติดตามกลุ่มนั้น ได้แต่มองไปที่ถุงจักรวาลของ ‘ชูเฟิง’พวกเขาทั้งหมด ต่างรู้ว่า ถุงจักรวาล เป็นของล้ำค่าขนาดไหน แม้แต่คนที่มีฐานะบางคนยังไม่อาจจะมี นอกจากว่า จะเป็นผู้ที่มีอำนาจและร่ำรวยจริงๆ ถึงจะสามารถครอบครองมันได้ เด็กหนุ่มที่อยู่ด้านหน้าของพวกเขาคงจะมาจากตะกูลที่ร่ำรวยมหาศาล แต่ว่าทำไมคนที่มาจากตะกูลเช่นนั้นถึงได้มาซื้อม้า
” หืม นั่นมันไม่ใช่ถุงจักรวาลหรอก เป็นแค่ของเลียนแบบที่เหมือนก็เท่านั้น เราจะรู้ได้ไงว่ามันเป็นของจริงหรือของปลอม “
ผู้ติดตามคนหนึ่งลูบเคราและกล่าว
” มันเป็นของเลียนแบบงั้นหรอ ข้าคิดว่ามันเป็นของจริงซะอีก “
” เฮ้อ หนุ่มสาวสมัยนี้ก็เป็นซะแบบนี้ เพื่อให้ตัวเองดูเหนือกว่าผู้อื่น จึงใช้ของเลียนแบบ ได้อย่างน่าไม่อาย “
หลังจากได้ยินคำพูดของคนพวกนั้นที่อยู่กับชายตัวใหญ่ ผู้คนต่างถอนหายใจออกมาโดยที่หันหน้าไปมอง’ชูเฟิง’ อย่างดูถูก
‘ชูเฟิง ‘ไม่ได้สนใจคำพูดของคนพวกนั้น ทันทีที่เขาสัมผัสกับถุงจักรวาล แสงประหลาดก็ส่องออกมา มันคือแสงของลูกแก้ววิญญาณ จากนั้น’ชูเฟิง’ก็หยิบมันขึ้นมาวางไว้ในฝ่ามือชูเฟิงโยนลูกแก้ววิญญาณให้กับเฒ่าแก่และกล่าว
” หนึ่งเม็ดสำหรับม้าเหงื่อโลหิต อีกหนึ่งเม็ดให้ท่านขายมันให้กับข้า “