Martial God Asura ตอนที่ 197 – ชั้นที่ 7

Martial God Asura ตอนที่ 197 – ชั้นที่ 7

” แท้จริง แรงดันวิญญาณที่แห่งนี้เร่งการเจริญเติบโตของผลวิญญาณ ให้สุกงอม ดูเหมือนตอนนี้เขามีหวังที่จะรักษาต้านต้านแล้ว “
‘ชูเฟิง’ยังคงนั่งไขว้ขาอยู่บนชั้น 6 ขณะมองผลวิญญาณในมือของเขาที่กำลังเปลี่ยนแปลง ในใจเขารู้สึกระรื่นจนผิดปกติ
เนื่องจากตอนนี้ ผลวิญญาณมันดูแตกต่างไปจากตอนแรกเป็นอย่างมาก ‘ชูเฟิง’ค่อยๆรู้สึกได้ถึงอำนาจพลังที่บรรจุอยู่ภายใน มันยังคงเพื่มขึ้น เพิ่มขึ้น
หลังจากเห็นความหวัง ‘ชูเฟิง’ ก็ตั้งเป้าหมายไว้ ตอนนี้เขาได้เตรียมผลวิญญาณสามลูกเมื่อทำให้มันเติบโต ทั้งหมด
ภายในหอคอยอสูรฟ้า ถึงแม้ว่าจะมีปริมาณแรงดันวิญญาณสูงแต่มันก็ช่วยให้เพื่มอำนาจพลังวิญญาณและความสามารถด้านร่างกายเป็นอย่างดี วิธีตรวจสอบว่าใครสามารถทนอยู่ในนั้นได้นานหรือไปชั้นสูงๆมีอยู่วิธีเดียว ไม่ใช่วิ่งไปดูกับตานะ เพราะชั้นที่ ‘ชูเฟิง’ อยู่ไม่มีใครเข้าไปได้
ในช่วงเย็นของการสอบ หลายคนที่ไม่สามารถทนกับแรงดันวิญญาณ ก็วิ่งออกมาจากชั้นแรกโดยที่เมล็ดวิญญาณไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ
หลังจากวันแรก เกือบจะทุกคนที่ออกจากชั้นที่ 1 และ ชั้นที่ 2 เมล็ดวิญญาณที่เปลี่ยนแปลงมากที่สุดของพวกเขาก็มีแค่รากงอกออกมา บางคนก็มีกิ่ง ก้าน และ ใบ สารอาหารที่เมล็ดวิญญาณเหล่านั้นได้รับมีเพียงน้อยนิด แน่นอนว่า นั้นเป็นการพิสูจน์ถึงความแข็งแกร่งของพวกเขานั้นเอง
ในวันที่สอง ผู้คนจากชั้นที่ 3 ก็พากันถยอยลงมาเช่นกัน เมื่อผู้คนจากนิกายโลกวิญญาณลงมา พวกเขาก็รีบเรียกมาถามทันที
ไม่ว่าจะเป็น อาวุโสตระกูลเจี่ย หรือ อาวุโสนิกายโลกวิญญาณ พวกเขาอยากรู้ว่ามีใครบ้างที่ขึ้นไปยังชั้น 4
” เจ้ากำลังจะบอกว่า มีสามคนที่ขึ้นไปยังชั้น 4  นอกจากอัจฉริยะของนิกายโลกวิญญาณ และ ตระกูลเจี่ย ยังมีคนนอกอีกคนงั้นหรอ “
ผู้เฒ่า’หลี่’จากนิกายโลกวิญญาณตกใจอย่างมากหลังจากที่ได้รับคำตอบ
” เจ้าทราบไม๊ว่าเด็กคนนั้นมาจากที่ไหนและเขามีนามว่าเช่นไร ? “
ผู้เฒ่า’หลี่’ ถาม
” เขามีนามว่า ชูเฟิง ข้าน้อยก็ไม่รู้เขามาจากไหน แต่เขาดูแลสาวกนิกายโลกวิญญาณของเราเป็นอย่างดี!!! “
” ชั้นที่ 3 ตระกูลเจีย ทำการบางอย่าง ตอนนั้น พวกเขาพยายามขัดขวางและปิดเส้นทางของเราในการก้าวสู่ชั้นต่อไป หากไม่ได้ ชูเฟิง คนนั้นช่วย ข้าน้อยเกรงว่าพวกเราคงยากที่จะรอดออกมาแบบมีชีวิต “
หญิงสาวตอบ พร้อมกับแสดงท่าทีโมโห นางถลึงตามองจ้องไปที่ 3 อาวุโสตระกูลเจี่ย เหมือนด่าในใจ
” พูดบ้าๆ!!! ตอนนี้ สมาชิกตระกูลเจี่ยของข้าก็ได้รับบาดเจ็บ เจ้ายังมีน่ามาใส่ร้ายพวกเขาอีกหรอ “
ก่อนที่ผู้เฒ๋า’หลี่’จะได้อ้าปาก อาวุโสตระกูลเจี่ย ก็พูดดักเข้ามา
” จริงๆแล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ยังนิกายโลกวิญญาณของเราจะเป็นผู้ตรวจสอบ หลังจากที่การสอบสิ้นสุด ที่ข้าเป็นห่วงก็คือพวกเขาทั้ง 3 จะทนอยู่ในนั้นได้นานแค่ไหน และใครจะเป็นคนที่เอาผลวิญญาณที่สุกงอมออกมา “
ผู้เฒ่า’หลี่’พูด พร้อมกับทอดสายตาไปยังหอคอยอสูรฟ้า
” อ่า. . . . “
อาวุโสเจี่ยสูดอากาศเข้า ทั้งหมดนี้เป็นเพราะพวกเขากังวลว่าหนึ่งใน 3 คนนั้น ใครจะอยู่ได้นานที่สุด และใครกันที่เป็นคนอยู่ชั้น 4 และชั้น 5 สุดท้ายก็ชั้นที่ 6
ในวันที่สาม แสงสีฟ้าในชั้นที่ 4 ก็เริ่มเคลื่อนไหว หลังจากที่ภายในหอคอยอสูรฟ้าในชั้นนี้คงสภาพตลอดทั้งวันก็เรื่มกระเพื่อมอย่างต่อหนึ่ง
ในตอนนั้น สายตาของทุกคนรวมไปที่จุดเดียว พวกเขารู้สึกว่าคนที่อยู่ในชั้นที่ 4 เป็นเวลา 3 วันนั้นก็คือ ‘ชูเฟิง’
แม้ว่าเขาจะไม่ใข่คนของนิกายโลกวิญญาณหรือคนของตระกูลเจี่ย พวกเขาก็ยังต้องการเห็นการปรากฏตัวของ’ชูเฟิง’ เนื่องจากว่า คนที่สามารถก้าวไปสู่ชั้นที่ 4 จะถูกจดจำในฐานะ บุคคลอัจฉริยะ
* อะเฮื้อ *
แต่เมื่อคนๆนั้นเดินออกมาจากหอคอยก็มีคลื่นวิญญาณทะลักออกมา ทุกคนได้แต่ประหลาดใจ โดยเฉพาะ สามอาวุโสเจี่ย พวกเขาขณะนั้นกำลังตะลึงจนปากค้าง ความตกใจแบบสุดขีดปรากฏอยู่เต็มใบหน้าของพวกเขา
เพราะคนที่เดินออกมา จากหอคอยอสูรฟ้าไม่ใช่ ‘ชูเฟิง’ หรือ ‘กู๋ โบ่’ แต่มันคือคนของตระกูลเจี่ย ที่พวกเขาคิดว่าอยู่ชั้นสูงสุด ‘เจี่ย ปู๋ฟ้าน ‘
” มันเป็นไป บ่ได้ มันบ่ แม่น มันบ่ ใช่ ? อะเฮื้อๆ “
สมาชิกตะกูลเจี่ย
” มันเกิดขึ้นได้ยังไง ที่จะเป็นนายน้อย เจี่ย ปู๋ฟ้าน ของตระกูลเจี่ย เขามีเกราะหนามไม่ใช่หรอทำไมถึงไปแค่ชั้น 4 ? “
ใบหน้าของของทุกคนของตระกูลเจี่ย แทบไม่อยากจะยอมรับความจริง
ใบหน้าของ ‘เจี่ย ปู่ฟ้าน’ตอนนั้นก็เช่นกัน เขาไม่ได้พูดใดๆออกมา แต่กับรีบเดินหนีไป เพราะเขาไม่อาจบอกคนอื่นได้ว่าเขา โดนเด็กหนุ่มอย่าง ‘ชูเฟิง’ ข่มขู่ ที่บอกให้เขาหยุดอยู่ชั้นที่ 4 หากมีคนรู้เข้าไม่เพียงแต่จะทำให้ตัวเองเสียหน้า ทั้งตระกูลยังต้องอับอายเพราะเขาอีก
” อาวุโสเจี่ย ดูเหมือนสมบัติที่ล้ำค่าของท่านจะไม่มีประโยชน์สินะ!!! ฮ่าฮ่าฮ่า . . . . . . . . “
อาวุโสนิกายโลกวิญญาณต่างพากันหัวเราะเสียงดัง ชอบใจ
” พวกเจ้า. . . . . . . “
อาวุโสเจี่ย เลือดขึ้นหน้าด้วยความโกรธ จนเป็นสีแดง เดิมทีพวกเขาต้องการจะปฏิเสธ แต่สุดท้ายก็เถียงไม่ได้ เพราะก่อนหน้านี้ พวกเขาพูดออกมาอย่างมั่นใจ บัดนี้คำพูดพวกนั้นกลับมาตบหน้าตัวเอง จนทำให้หน้าแหกในช่วงบ่ายของวันที่สาม
ดวงไฟสีฟ้า ในชั้น 5 ในที่สุดก็เคลื่อนไหว หลังจากมีคนเดินออกมาจากหอคอยอสูรฟ้า เหล่านิกายโลกวิญญาณและตระกูลเจี่ยก็เต็มไปด้วยความตกใจ อย่างไม่มีที่สิ้นสุดเพราะเขาคือ ‘กู๋ โบ่’ ดังนั้นทุกคนจึงได้คำตอบ ว่าคนที่อยู่ชั้นที่สูงที่สุด ไม่ใช่คนจากนิกายโลกวิญญาณหรือคนจากตระกูลเจี่ย แต่เป็นเด็กหนุ่มที่ชื่อ ‘ชูเฟิง’
” เขาทำได้แล้ว!!! “
‘กู๋ โบ่’ ยินอยู่หน้าหอคอยพร้อมกับแหงนหน้าขึ้นมอง เขาเห็นแสงไฟสีฟ้าที่ชั้น 6 หัวใจของเขาก็เหมือนกับแม่น้ำที่ไหลลงสู่มหาสมุทร แม้เขาจะรู้ว่า ‘ชูเฟิง’ ไม่ธรรมดา ยิ่งเมื่อ ‘ชูเฟิง’ ทำเป้าหมายสำเร็จ เขานั้นไม่สามารถหยุดความตื่นเต้นเอาไว้ได้
” เอ้ยยย กู๋ โบ่ “
ทันใดนั้น ก็มีเสียงดังขึ้นมาจากด้านหลัง และเมื่อ’กู่ โบ๋’ หันกลับมา ก็ได้แต่ตกใจ เพราะคนๆนั้น คือ สุดยอดผู้เชี่ยวชาญของนิกายโลกวิญญาณ ผู้เฒ่าหลี่
” ผู้เฒ่าหลี่ ทำไมท่านถึงมาอยู่ที่นี่ละ ? “
‘กู๋ โบ่’ถามด้วยความประหลาดใจ
” อ่อ . . . . . ว่าแต่เจ้าเคยพบกับ ชูเฟิง หรือเปล่า ?”
ผู้เฒ่าหลี่ยิ้มและถาม
” เขาเป็นคนที่โดดเด่นอย่างมาก เขาไม่ได้รับผลกระทบจากแรงดันวิญญาณที่ชั้น 5 เลยสักนิด แต่ยังไงก็ตาม ข้าไม่เคยคิดว่าเขาจะสามารถไปถึงด้านบนได้ น่าประทับใจจริงๆ!!! “
‘กู๋ โบ่’ ตอบ
” นั้นสิ . . . . . . .เขาช่างโดดเด่นและมากความสามารถ เขาเป็นบุคคลที่สนใจทีเดียว! “
ผู้เฒ่าหลี่พยักหย้า แล้วมองเป็นในๆไปที่ชั้น 6
” ผู้เฒ่าหลี่ ชูเฟิง นั้นมีความแค้นกับตระกูลเจี่ย . . . . . . “
” ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้น ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น นิกายโลกวิญญาณจะต้องปกป้องเขา และดึงเขาให้เข้านิกายเราให้ได้ !!! “
ผู้เฒ่า’หลี่’ โบกมือพร้อมกับเดินไปที่พระราชวัง ในตอนนั้น ‘กู๋ โบ่’ ก็ยิ้มออกมาด้วยความโล่งใจ
ในเวลาเดียวกัน ‘ชูเฟิง’ ที่อยู่บนชั้น 6 ลุกขึ้นยืน เมื่อมองไปที่ 3 ผลวิญญาณในมือของเขา ตอนนี้ผลของมันกลายเป็นสีเขียวเข้ม ความตื่นเต้นของเขาสุดที่จะพรรณนาได้ เขารู้สึกถึงอำนาจพลังวิญญาณของผลวิญญาณทั้ง 3 ลูก หากมันได้ผลจริงๆมันก็จะสามารถช่วยให้ ‘ต้านต้าน’ กลับมา
” ความรู้สึกแบบนี้ !!! “
ตอนนั้นสีหน้าของ’ชูเฟิง’เปลี่ยนไปฉับพลัน เขาพบร่องรอยบางอย่างที่ผิดปกติเขารีบลุกขึ้นแล้วหยิบเข็มทิศโลกวิญญาณขึ้นมา และ อัดอำนาจพลังวิญญาณเข้าไป หลังจากนั้นเข็มทิศก็เป็นลูกศรชี้ขึ้น
หลังจากที่ ‘ชูเฟิง’ ใช้พลังจากเข็มทิศโลกวิญญาณตรวจสอบร่องรอยที่ผิดปกติ ภายในดวงตาของเขาก็ถึงกับเบิกกว้าง พร้อมกับกล่าวออกมา
” มันยังมี ชั้นที่ 7 “

เขาจะได้พบกับอะไร เราต้องมารอติดตามกัน
ที่มา: